วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รอยต่อของชีวิต Admission



รอยต่อระหว่างม.6 กับ ปี 1 ในมหาวิทยาลัย คงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และเป็นช่วงเวลาของความตรึงเครียดครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ เพราะเป็นช่วงของการสอบแข่งขันกัน และนำคะแนนเกรดเฉลี่ยที่ได้จากการเรียนในช่วงมัธยมปลายมาแอดมิชชั่น เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย

หลายคนสมหวังเมื่อสามารถสอบเข้า หรือแอดมิชชั่นติดในมหาวิทยาลัยที่ตนเองคาดหวังได้ แต่หลายคนก็ผิดหวัง หลังจากแอชมิชชั่นไม่ติด

นางสาวธัญธิดา นาระต๊ะ นักเรียนโรงเรียนสิงห์สุมทร พึงจบม.5 กำลังจะขึ้นม.6 ในปีนี้ ซึ่งได้มาเยี่ยมชมงาน Uexpo 2012 เธอมาเพื่อเก็บข้อมูลไว้ล่วงหน้า เธอยอมว่าค่อนข้างกังวลกับช่วงรอยต่อของชีวิต ระหว่างม.6 กับ ปี 1 ในมหาวิทยาลัย ว่าจะสามารถหาที่เรียนได้หรือไม่

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐหลายแห่ง ยังคงเป็นที่นิยมของผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ขณะเดียวกันธุรกิจการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยเอกชนก็มีการแข่งขันกันสูง มีการพัฒนาการด้านศักยภาพการเรียนการสอน และทำการตลาดกันอย่างคึกคัก ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเรียนมหาวิทยาเอกชนสูงตามไปด้วย

ผมเข้าไปคุยกับนักเรียนกลุ่มหนึ่งยอมรับว่า พวกเขามีความมุ่งมั่นที่เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของรัฐให้ได้

อย่างไรก็ตาม สำนวนที่ว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” และ “มีสติอยู่กับปัจจุบัน” น่าจะเป็นสำนวนที่ใช้เตือนใจ ในช่วงรอยต่อของชีวิต ระหว่างม.6 กับ ปี 1 ในมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเรียนที่ไหน สำคัญที่สุดคือตัวเราเอง ว่าจะใฝ่รู้ ใฝ่เรียนหรือไม่ // ธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย : รายงาน

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วาทะกรรมทางการเมืองในโลกความจริง และโลกเสมือนจริง

19/5/2555

กลุ่มนปช.จัดกิจกรรมรำลึก 2 ปีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยประธาน นปช.ระบุว่า เป็นการรวมตัวแสดงพลังประชาธิปไตย เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร และทวงถามความเป็นธรรม ให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะกระแสความต่อต้านกลุ่มนปช.ก็มีให้เห็นอย่างต่อเนื่องและรุ่นแรง ติดตามจากรายงานครับ


(รายงานข่าวชิ้นนี้ใช้ Smartphone ถ่ายทำทั้งหมด)


ถนนหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด และโดยรอบสี่แยกราชประสงค์ถูกแทนที่จากการจราจรที่ติดขัดในวันปกติ เป็นตลาดนัดของคนเสื้อแดง ที่มารวมตัวกันเพื่อรำลึกเหตุการณ์สลายการชุมชนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
กระแสในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คเกี่ยวกับการชุมชนทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงก็มีเข้ามาอย่างรุนแรง ตั้งแต่เช้า ที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง และแสดงความไม่ชอบใจ พร้อมตั้งคำถามถึงเหตุการณ์เผาบ้าน เผาเมือง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน หนึ่งสมาชิกของกลุ่มสันติประชาธรรม นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ ตั้งสถานะในหน้าวอล์เฟสบุ๊คส่วนตัวแสดงความเห็นต่าง ว่าเห็นใจนักธุรกิจพ่อค้าแม่ค้าที่สูญเสียทรัพย์สิน แต่ก็ยืนยันเคารพหัวใจของประชาชนเสื้อแดง ประชาชนเสื้อแดงคือสามัญชนผู้มีความหวัง ความฝันเหมือนเราๆท่านๆ ลุกขึ้นต่อสู้ เพื่อสิทธิของตน เพียงแต่ประชาชนเสื้อแดงถูกริดรอนสิทธิพึงมีพึงได้ รวมถึงศักดิ์ศรีของมนุษย์ผู้มีเสรีภาพและความเสมอภาคมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลที่ผู้ถือครองอำนาจอ้างว่า ประชาชนโง่ แต่ประชาชนไม่โง่ และมีพลังประชาชนมหาศาล
บรรยากาศการชุมชนทางการเมืองครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อการจราจรใจกลางเมืองหลวง ห้างสรรพสินเซ็นทรัลเวิย์ดตัดสินใจปิดให้บริการตั้งแต่บ่าย 3 โมง

ต่อมาช่วง 3 ทุ่มตรง คุณทักษิณ ชินวัตร VDO Link เข้ามาท่ามกลางการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง พูดถึงคดีอากง SMS กับกระบวนการยุติธรรม แบบไทยๆ และตอนท้ายกล่าวว่าเราจะต้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ เราต้องเลิกทะเลาะกัน หันมาปรองดอง ผมไม่อยากเห็นใครแพ้ใครชนะ อยากเห็นประเทศชนะ อยากเห็นลูกหลานของเราทันกับประเทศที่เจริญแล้ว

วาทะกรรมทางการเมืองทั้งในโลกความเป็นจริง และโลกเสมือนจริงอย่าง Social Network อาจเป็นเหตุผลสำคัญ ว่าทำไมประเทศไทย จึงไม่เกิดการปรองดองขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม // ธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย Nation U Channel รายงาน










วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“เปิดใจ” อดีตผู้เคยเสพยา เลิกได้เพราะสงสารแม่



26/03/2555

ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นปัญญาใหญ่ของสังคมในทุกวันนี้ และปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มคนซึ่งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดส่วนใหญ่เป็นเยาวชน

 คุณหมู (นามสมมติ) อายุ 25 ปี อาศัยอยู่ย่านบางบอน กรุงเทพมหานคร ได้เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาว่า พ่อของเขาเสียชีวิตลงตั้งแต่เขายังเด็ก ต่อมาพออยู่ม. 3 ก็มีเพื่อนชวนไปลองเสพยา ตนเองยอมรับว่าคบเพื่อนไม่ดี และได้เสพยามานานถึง 4 ปี ขณะเสพไม่เคยถูกตำรวจจับได้ เพราะเสพในบ้านเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เมื่อถามว่านำเงินจากไหนมาซื้อยาเสพติด คุณหมูบอกว่า เก็บขยะขายบ้าง แอบขโมยเงินของแม่ไปซื้อยาบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วสามารถเลิกเสพยาได้อย่างไร คุณหมูยอมรับว่าสงสารแม่มากๆ ตอนกำลังเลิกรู้สึกทรมานมาก ใช้เวลาหักดิบอยู่ 2 เดือนก็สามารถเลิกได้สำเร็จ คุณหมูย้ำว่าที่สามารถหักห้ามใจ และเลิกได้เพราะแม่ สงสารแม่ แม่ทำงานหนักมาก และผมก็รักแม่มาก ผมจึงเลิกเพื่อแม่

ข่าว/ภาพ :: จิรสิน ยิ่งยงศักดิ์ศรี
 Nation U Channel 

“กวดวิชา กับปัญหาการศึกษาไทย ?” บทสัมภาษณ์อาจารย์ปิง ดาวองก์



9/03/2555

เป็นบทสัมภาษณ์ ที่ผมอยากให้คนเป็นครูได้อ่าน และได้ชมคลิปนี้ เพราะคุณคือต้นทางของการปฏิรูปการศึกษา
ผมมีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์อาจารย์กวดวิชาชื่อดัง เป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศ อย่างอาจารย์ปิง ดาวองก์ ผมตั้งประเด็นไว้ว่า กวดวิชา กับปัญหาการศึกษาไทยคำตอบว่าการกวดวิชาเป็นปัญหาของการศึกษาไทยหรือไม่ แล้วปัญหาการศึกษาไทยคืออะไร แล้วจะแก้อย่างไร แก้ที่ใคร อยู่ในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ ที่ผมและทางงานเข้าไปสัมภาษณ์อาจารย์ปิง ถึงบ้านกันเลยทีเดียวครับ
Nation U Channel ถาม
อาจารย์ปิง ดาวองก์ ตอบ
ถาม จุดเริ่มของการกวดวิชาในประเทศไทย เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
ตอบ ถ้ากวดวิชาหมายถึงการสอนพิเศษนะค่ะ มีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 แล้วค่ะ ก็ที่พระองค์ท่านจ้างแหม่มแอนนาเข้าไปสอนภาษาอังกฤษในพระบรมมหาราชวัง และต่อมาได้พระอาจารย์ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 บางอาจเข้าใจผิดว่าเพิ่งมามีในปัจจุบัน แต่ความจริงมีมานานแล้วค่ะ
ถาม ในปัจจุบันเขามีการออกข้อสอบ Gat Pat เพื่อลดความต้องการในการกวดวิชาลง อาจารย์คิดว่าอย่างไรครับ
ตอบ ในความคิดครูคิดว่า ถ้าจะไม่ให้เด็กกวดวิชา 1. ก็อยากออกข้อสอบให้มันเกินความรู้เด็กสิ อย่างข้อสอบ Gat กับ Pat เนี่ยเป็นมันข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพ นั่นหมายความว่ามันอาจไม่มีสอนในโรงเรียนก็ได้ ทำไมไม่เอาวิชาที่เรียนในโรงเรียนไปสอบล่ะ 2. คือการออกข้อสอบยาก มันทำให้เด็กรู้สึกว่าต้องรู้อะไรเยอะนะ ทำไม่ไม่ออกข้อสอบให้มันง่ายแต่แข่งกันด้วยเวลา สมมติว่าออกข้อสอบยากๆมา 50 ข้อ ก็ออกข้อสอบซัก 1000 ข้อแต่ง่ายหมดเลย คือพอมันง่ายหมดเนี่ย มันจะวัดเด็กด้วยว่าเด็กคนไหนหัวไว 
ถาม นั่นหมายความว่า นี่เป็นความผิดพลาดในการข้อสอบของทางผู้ใหญ่ ทางกระทรวงใช่ไหมครับ
ตอบ อย่าไปคิดแบบนั้น ความเป็นจริงในปัจจุบันถ้าครูมีลูก ครูก็จะให้ลูกกวดวิชา ไม่ใช่เหตุผลเรื่องการสอบนะ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ถ้าอยู่ในบ้านก็เล่นแต่เกม คุยโทรศัพท์

ถาม – “สมัยนี่เนี่ยการแข่งขันมันสูง ถ้าไม่กวดวิชา แล้วจะเอาอะไรไปแข่งขันกับเขาการศึกษา กับการแข่งขัน อาจารย์คิดเห็นอย่างไรครับ
ตอบ พวกอาจารย์ที่ซีเรียส ก็มักจะคิดอย่างนี้ แต่ครูไม่เป็นน่ะ ครูรู้สึกว่าครูมีความสุขกับการสอน ครูไม่คิดว่าโรงเรียนกวดวิชา คือโรงเรียนกวดวิชา แต่ครูคิดว่ามันคือที่ที่ครูได้สอนนักเรียนที่ครูรัก มันคนละมุมกัน ครูคิดว่าพวกนี้ตอนเด็ก ๆ ไม่รู้ไปเจออะไรกันมา แต่ในชีวิตครู ครูเจอแต่สิ่งที่ดีดีไงคะ นักเรียนก็ดี อะไรก็ดี ครูก็ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ ฉะนั้นครูอยากบอกผู้สื่อข่าว ซึ่งผู้สื่อข่าวบางคนก็ไปเจอแต่อาจารย์แบบนี้ เจออาจารย์ที่เขาอารมณ์ดีบ้างสิ
ถาม ดูเหมือนว่าการกวดวิชาในต่างประเทศ จะมีน้อยนะครับ จากข้อมูลที่รับรู้มา
ตอบ ไม่จริงค่ะ ญี่ปุ่นอันดับหนึ่ง ก่อนที่เราจะไปเข้ายูโตเกียวเราต้องสอบเข้า ฉะนั้นต้องมีการกวดวิชา เกาหลีหนักกว่าเราอีก และนักเรียนที่ไปเรียนต่ออเมริกา เขาก็กวดทั้งนั้น
ถาม นั่นหมายความว่า ประเทศไทยก็ไม่ได้มีการกวดวิชาที่แพ้ไปกว่าต่างประเทศ
ตอบ แต่ที่ต่างประเทศเขาไม่ได้มีสถาบันการกวดวิชาที่มันอะไรอย่างนี้ ครูคิดว่าถ้าเอาเม็ดเงินด้านธุรกิจการกวดวิชามาเทียบกัน มันก็อาจจะพอกันนะ เธอลองคิดดูถ้าเธอเป็นพ่อแม่เด็ก เธอก็อยากจะเสริมความรู้ให้ลูกอยู่แล้วน่ะ เป็นเรื่องปกติ ครูคิดว่ามีกันอยู่ทุกประเทศ แต่ของประเทศเรา บางคนอาจต่อต้านการกวดวิชาหรือเปล่าเพราะ ไม่มีโอกาส
ถาม ด้านความเท่าเทียมกันในสังคม ครูคิดว่าอย่างไรครับ
ตอบ อย่างครูเวลากระทรวงศึกษาเชิญไป ก็ไปสอน และเวลาเราสอนเราก็ไม่ได้กั๊กวิชา ก็สอนให้เต็มที่ ครูสอนเพราะครูมีความสุข และครูก็เชื่อว่าเด็กที่ครูสอน ก็มีความสุข ครูก็เลยมองคนละแบบกับผู้ใหญ่ที่เจอแต่สิ่งร้ายๆ มาตลอดชีวิต

ถาม เด็กไทยเรียนเรียนหนักที่สุดในโลก ไหนจะเรียนในโรงเรียนอีก ไหนจะต้องเรียนกวดเรียนนอกโรงเรียนอีก อาจารย์คิดว่าตรงนี้มีปัญหาไหมครับ
ตอบ เราต้องยอมรับนะ ว่าอาจารย์ไม่ใช่คนเก่งทุกคน อาจารย์บางคนเขาสอนไม่ดีนะ แต่ครูชอบเข้าไปคุยกับเขาจังเลย เวลาสอนในห้องเขาสอนไม่รู้เรื่อง แต่เวลาเขาคุย เขาคุยสนุก เขาคุยรู้เรื่อง อย่างพวกดอกเตอร์สอนอะไรไม่รู้ พูดอะไรไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง แล้วมีเด็กมานั่งฟังอยู่ 3 คนแล้วที่เหลือก็เออออ แล้วเขาก็ดีใจที่มีเด็กนั่งฟังอยู่ 3 คน เป็นครูครูเสียใจนะ เพราะว่าคนที่เป็นครู หน้าที่หลักไม่ใช่คุณความรู้เยอะ แต่คุณต้องถ่ายทอดเป็น อาจารย์สมัยครูเรียนที่ราชภัฎสอนดีมาก แต่ดอกเตอร์สอนไม่รู้เรื่อง คุณอยู่กับกองชีตมากไปไหม
ถาม อาจารย์กำลังจะบอกว่าปัญหาการศึกษาทุกวันนี้ มันมาจากการถ่ายทอดของครู
ตอบ ถูก และอีกอย่างบางคนเขาก็ไม่เขาใจจิตใจเด็ก พูดอะไรออกมาก็ภาษาอะไรไม่รู้ เขาคิดว่าเวลาเขาคุยในกลุ่มกันเขารู้เรื่อง คุณจะเป็นครูไม่ว่าจะระดับไหน ประถม มัธยม ปริญญาตรี โท เอก คุณต้องรักเด็ก คุณต้องช่วยเหลือเด็ก ไม่ใช่คิดว่าเด็กต้องตามคุณ คนไหนโง่ก็ให้มันรีทายออกไป

ถาม ทางออกของปัญหาการศึกษาคืออะไรครับ
ตอบ ต้องมาจากครอบครัวที่ดีนะ / อาจารย์มหาวิทยาลัยหลายคนมีนะที่เป็นห่วงเด็ก ทำไมได้เกรดเท่านี้ล่ะลูก ความรักไงที่คุณต้องให้เขา ไม่ใช่วิชาการอย่างเดียว คนที่ให้แต่วิชาการอย่างเดียว ควรจะเรียกตัวเองว่านักวิชาการ ที่มาสอน อย่าเรียกเลยว่าเป็นครู ครูต้องให้ความรักนักเรียน ต้องมีความเอื้ออาทรต่อเด็ก
ถาม นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเรียนในห้องเรียนมากขนาดไหน บางทีการออกมากวดวิชา แล้วมาเจออาจารย์ที่เป็นอย่างอาจารย์ ที่ให้ความรักต่อเด็ก อาจารย์กำลังจะสะท้อนใช่ไหมครับว่านี่ไงทางออกของการศึกษาไทย คือการที่ครูให้ความรัก ความเมตตาต่อเด็ก เข้าใจเด็ก
ตอบ ครูไม่เคยสะท้อนหรอกค่ะ นี่คือตัวครูเองจริงๆ ครูไม่คิดหรอกค่ะ ว่าครูทุกคนต้องเป็นแบบครู แต่ครูเพียงแค่อยากจะบอกว่า เด็กหลายคนเขาขาดความอบอุ่นจากอาจารย์เคยรู้บางไหม ทั้งที่โรงเรียน ทั้งมหาวิทยาลัย คุณเป็นแค่นักวิชาการที่มาสอน แล้วคุณก็ชมกันเองให้เป็นอาจารย์ดีเด่น คุณสอนเด็กอยู่ 40 คน แล้วคุณสอนสำเร็จอยู่ 10 คน แล้วก็เอาเด็ก 10 นี้มาโอ้อวดตลอดเวลา แล้วอีก 30 คนที่เหลือล่ะ เคยดูแลเขาบางหรือเปล่า โทษแต่เด็กที่เรียนเลขไม่รู้เรื่อง แล้วเคยคิดที่จะไปสอนเขาบ้างหรือเปล่าแทนที่จะไปโทษเขา นี่ครูมาพูดแทนเด็กหลายๆ คน เด็กหลายๆ คนที่บางทีตั้งใจนะ แต่เรียนไม่รู้เรื่อง เคยสงสารเขาบางไหม คำพูดของคุณถ้าไปบาดจิตใจเขาให้เป็นแผลลึกๆ อยู่ในใจตั้งแต่ตอนประถม จนเขาไม่ตั้งใจเรียนมาจนถึงมัธยม เคยรู้บ้างไหม ..ว่าเป็นเพราะคุณ ....

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

พระตุ๊ด วิกฤตพุทธศาสนา !?



3/03/2555

ขึ้นหน้า 1 อีกครั้งสำหรับเรื่องราวที่ทำให้พระพุทธศาสนาต้องมัวหมอง อย่างเรื่องพระตุ๊ด พระเกย์ เอาจีวรมีแต่เป็นหญิงมีท่าทางตุ้งติ้ง

กรณีล่าสุดที่ลงนสพ.คมชัดลึก คือ  พระภิกษุรูปหนึ่งโพสต์ภาพที่ตนสวมจีวร พร้อมผ้าพันคอลายเสือ นั้งยิ้มหวานอยู่ในเต็นท์ ลงเฟซบุ๊ค คือพระนราวิชญ์ ฉันทะธัมโม พระลูกวัดโบสถ์คงคาล้อม จังหวัดนครราชสีมาชื่อเดิม นายนราวิชญ์ เมธีประยูร อายุ 28 ปี ตอนนี้พระนราวิชญ์ เรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งอยู่ที่ในตัวเมืองนครราชสีมา

พระครูชลธารชัยเขต รองเจ้าคณะอำเภอโชคชัย เจ้าอาวาสวัดโบสถ์คงคาล้อม บอกว่า พระนราวิชญ์ บวชมาแล้ว 3 พรรษา ซึ่งก่อนหน้าที่จะบวชก็มีลักษณะท่าทางประพฤติตนในลักษณะชอบแต่งหน้าทาปากรักสวยรักงามเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปของชาวบ้านแถบนี้ โดยเริ่มแรกเมื่อตัดสินใจบวชเข้ามาเป็นพระภิกษุ ก็ไม่เห็นว่าจะผิดบทบัญญัติที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ อีกทั้ง ยังมีมีสติปัญญาเยี่ยมจึงได้ศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจังหวัดนครราชสีมา คณะสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 ซึ่งปัจจุบันก็เดินทางไปเรียนผลัดเปลี่ยนกับการจำพรรษาที่วัดเช่นเดียวกับพระภิกษุภายในวัดที่ศึกษาอยู่ด้วยกันอีก 6 รูป โดยในช่วงที่เดินทางไปศึกษานั้น ก็ไม่ทราบว่ามีพฤติกรรมเช่นที่เป็นข่าว กระทั่งมารับทราบจากทางสื่อมวลชน

นับวันเรื่องราวแบบนี้จะผุดขึ้นมาให้เห็นขึ้นเรื่อยๆนะครับ ก่อนหน้านี้เรื่องราวแบบนี้ก็ถูกแชร์ลงใน Social Network อย่างกว้างขาวและมีผู้คนต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ผมไปเจอในแฟนเพจของคุณสุทธิชัย หยุ่น ที่ได้โพสภาพภิกษุอ้อนแอ้นลงบนเฟซบุ๊ค พร้อมคำบรรยายภาพ ว่า นี่อะไรทำให้มีผู้คนเข้ามา Comment อย่างคึกคัก

แม้ในปัจจุบัน สังคมโลกจะเปิดกว้างยอม รับกับคนในกลุ่ม เพศที่ 3แต่เชื่อว่า... มันคงยังไม่เปิด กว้างถึงในวัด และคงไม่ใช่กับ วงการพุทธศาสนาอย่างแน่นอน

ผมค้นดูบทความเก่าๆ ที่วิจารย์เกี่ยวกับเพราะพระตุ๊ดพระเกย์ ก็ไปเจอบทความของพระพยอมเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ครับ พระพะยอมรู้เป็นห่วงและคิดไปถึงอนาคตชายไทย เมื่อมีอายุครบ 20 ปี ตามขนบธรรมเนียมประเพณีจะต้องบวชเข้าสู่ชาย ผ้าเหลือง เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดาไม่ได้!!!

เจ้าอาวาสวัดสวนแก้วท่านนี้ วิเคราะห์ว่า กรณีเด็กชายเป็นตุ๊ดหรือเกย์กันมาก ทำให้เกิดผลกระทบ 2 รูปแบบต่อวงการพระสงฆ์ คือ... เป็นการเพิ่มจำนวนพระเกย์เข้าสู่วงการพระภิกษุมากขึ้น หรือ ทำให้พระภิกษุสงฆ์แท้ๆ น้อยลง

คำถามที่ว่าเป็นเกย์บวชได้ด้วยหรือไม่ ? พระพยอม ตอบว่า ในวงการพระสงฆ์จะมีข้อกำหนดอยู่เรียกว่า บัณเฑาะห์คือ เพศที่ 3 บวชไม่ได้ พวกที่ตัดอัณฑะ ก็บวชไม่ได้ พวกที่ออกอาการเป็นกะเทยชัดๆ ก็บวช ไม่ได้ ซึ่งกฎเกณฑ์นี้ก็มีมานานแล้ว แต่ของพวกนี้มันเล็ดลอดได้ ก่อนการบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ จะมีการคัดสรรกันบ้างตามสมควร แต่ทุกวันนี้...ปัญหาสิทธิมนุษยชน ก็ทำให้วงการพระสงฆ์ของไทยเกิดอาการ น้ำท่วมปากขณะที่ระบบอุปถัมภ์ จากศาสนิกชน กลายเป็นปัญหาใหญ่

ก่อนการบวชก็มีสกรีนกันแล้ว แต่ว่ายุคนี้มันเป็นยุคที่คัดสรรยาก มันเป็นยุคที่เราคัดสรรยาก คือ
1. วัดมีพระน้อยก็กลัวเป็นวัดร้างก็ให้บวชกัน
2. คนที่มีลูกหลานเกเร เพี้ยน วิปริต ก็ดันผ่ามีอุปการะต่อวัด มาขอบวชไม่ให้บวชก็ทะเลาะกันอีก ทำให้ระบบคัดสรรเข้ามาบวชทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ข้อมูลน่า แปลกใจจาก พระพยอม ก็คือ... จากการเดินทาง ไปวัดในภาคต่างๆ นั้น พบว่า... พระเกย์ส่วนมาก จะพบในที่ภาคเหนือ ซึ่งไม่ทราบสาเหตุพระทางใต้จะไม่ค่อยเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ จะมีน้อย ส่วนภาคอื่นๆ

สำหรับพระที่เป็นอายุ 40-50 ปีก็มี ไม่นับพรรษาที่บวช แต่ส่วนใหญ่จะมาเป็นตอนหลังบวช อยู่ไปๆมาๆ มันดันผ่าเป็น ถ้าจับได้ก็มีคนไล่ออกไป แต่มันก็แปลก บางทีพวก นี้พระตุ๊ดพระเกย์มันประจบเก่ง จัดดอกไม้สวย เวลาโยมมีงานมันก็ช่วยจัดโยมก็ชอบอีก โยมชอบพวกนี้ ประจบเก่งพูดเพราะ มันก็เลยลำบาก

แต่หากมองถึงผลกระทบในทางเสื่อมเสีย ต่อวงการพระภิกษุ พระพยอม มองว่า... ถ้าแค่เป็นการถูกเนื้อต้องตัวกันยังไม่ผิด แต่หากมีการสวนทวารกันจึงผิด อย่างไรก็ตาม แค่การรักใคร่ที่ผิดที่ผิดทาง ผิดฝาผิดตัว ไม่ว่าจะพระเกย์ด้วยกันหรือพระกับเกย์ ก็ถือว่าผิดทั้งสิ้น ไม่เหมาะสม 100 เปอร์เซ็นต์ เขาเรียกโลกวัชช (โล-กะ-วัด-ชะ) โลกก็ตำหนิติเตียน แต่ว่าความวิปริตในโลกปัจจุบันต้องยอมรับว่ามันมารุนแรง จิตใจของคนวิปริต คนมาบวชก็ติดเอาความวิปริตมาก่อนบวช บวชแล้วโง่รักษาศีลไม่เป็นก็วิปริตต่อได้อีก มันก็เป็นอย่างนี้ถ้าลองนึกถึงกิจวัตรประจำวันของพระสงฆ์เกย์ ที่ต้องจำวัดอยู่ร่วมกับพระสงฆ์รูปอื่นๆที่เป็นชายปกติ อย่างพระสรงน้ำ กันก็เล่นกันมั่วเลย มันจะหยอก มันจะอะไร มันก็ทำกันมั่ว มันชอบกันเลย อาจจะอาบกันไปมั่วกันไป มันไม่เหมือนพระแท้ ๆพระพยอม ย้ำเท่ากับว่าการกระทำของพระตุ๊ดพระเกย์ จะสามารถส่งผลเสื่อมเสียได้ร้ายแรงยิ่งกว่าข่าวพระมีอะไรกับสีกาเสียอีก

พุทธศานานั้นไม่ได้ให้บวชเพื่อไห้มีข้าวกิน ไม่ได้บวชเพื่อให้เลิกเหล้ายาเสพติด แต่บวชเพื่อบรรลุธรรม ฉะนั้นเมื่อไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จะบวชไปเพื่ออะไร

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

ปัญหาเดิมๆ ของข้อสอบโอเน็ต



24/02/2555

ทำท่าว่าจะมีปัญหา สำหรับข้อสอบโอเน็ตประจำปีนี้ เพราะนักเรียนที่เข้าไปสอบ ออกมาบอกตรงกันว่าข้อสอบมีความกำกวม และไม่ตรงกับเนื้อหาที่เคยเรียนมา ทำให้ไม่มั่นใจและกังวลว่า จะมีผลต่อการแอดมิทชั่นเข้ามหาวิทยาลัย

นักเรียนหลายคนมองว่า แม้จะเป็นข้อสอบที่เปิดโอกาสให้ได้คิดวิเคราะห์ แต่อาจไม่เกิดประโยชน์ในการนำไปใช้กับชีวิตจริง ไม่ใช่แต่เพียงวิชาสุขศึกษาเท่านั้น ในวิชาศิลปะ และวิทยาศาสตร์ ยังมีคำถามอีกหลายข้อ ที่นักเรียนวิจารณ์ว่า ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการคิดเชิงวิเคราะห์

สำหรับวิชาที่เด็กมีปัญหาที่สุดคือ วิชาการเกษตร วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี รวมถึงวิชาศิลปะ ซึ่งข้อสอบไม่มีอยู่ในเนื้อหาที่เคยเรียนมา

นักเรียนที่เข้าสอบในครั้งนี้สะท้อนความเห็นของตนเองอย่างชัดเจนว่า ข้อสอบบางข้อ ในการสอบโอเน็ตนั้น ไม่สามารถวัดผลทางศึกษาได้ เพราะมีเนื้อหาจากหลักสูตรที่เรียนมาน้อยมาก และ นักเรียนแต่ละคนก็สามารถเลือกตอบได้ตามความเห็นส่วนตัว และ ประสบการณ์ของแต่ละคนที่พบมาต่างกัน

ผู้อำนวยการสำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รศ.ชาญวิทย์ เทียมบุญประเสริฐ บอกว่า ข้อสอบของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติเกิดความผิดพลาดตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา และนี่คงสะท้อนว่า ผู้ออกข้อสอบยังขาดเทคนิคในการตั้งคำถาม และเลือกใช้ตัวเลือกที่เหมาะสม จนทำให้นักเรียนสับสน

และเมื่อสทศ.ซึ่งเป็นผู้ออกข้อสอบโอเน็ต ได้ยินได้ฟังแบบนี้ ก็ต้องรีบตรวจสอบนะครับ ว่าข้อสอบที่ตนออกมานั่น มีความกำกวมอย่างที่ถูกสังคมในขณะนี้วิพากย์วิจารหรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องชี้แจงให้กระจ่าง แต่ถ้าใช่ ตรวจสอบแล้วยอมรับว่ากำกวมจริง ก็ต้องบอกด้วยว่าจะรับผิดชอบกับข้อสอบที่ตนออกมาอย่างไร

 “ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้อสอบโอเน็ต โดยสทศ.ถูกวิจารณ์ว่ากำกวม ฉะนั้นสทศ.ต้องกลับมาพิจารณาการออกข้อสอบของตน ที่สำคัญคืออย่างพิจารณาคนเดียวนะครับ เดี๋ยวจะพิจารณาเข้าข้างตัวเอง แต่ควรจัดเวทีรับฟังความเห็นให้รอบด้าน สรุป และถอดบทเรียนกับสิ่งที่ผ่านมาให้ได้ มิเช่นนั้นข้อสอบโอเน็ต จะไม่มีความน่าเชื่อถือ อีกต่อไป

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

ไทยปล่อยวีซ่าง่ายไป เปิดช่องโหว่ก่อการร้าย ?



17/02/2555

เป็นเหตุระเบิดที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อคนร้ายชาวอิหร่านพยายามโบกแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่จอด คนร้ายจึงไม่พอใจปาระเบิดที่พกมา ใส่รถแท็กซี่ ได้รับความเสียหายที่ห้องเครื่อง ที่น่าสังเกตหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้ตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดเผยชนิดนี้ พบว่าเป็นระเบิดชนิดขว้าง ด้านในบรรจุดินระเบิดชนิดซีโฟร์ เมื่อขว้างออกไปจะหน่วงเวลา 5 วินาที มีรัศมีทำลาย 10 -15 เมตร รัศมีกว้างขนานนี้ ถังแก็สรถแท็กซี่น่ายระเบิดไปเต็มๆ แต่ถังแก็สของรถแท็กซี่ไม่ระเบิดแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าคนขับมีของดีอะไร  ต่อมาคนขับแท็กซี่ได้วิ่งตามคนร้าย ซึ่งคนร้ายวิ่งไปพบตำรวจจึงควักระเบิดเพื่อจะโยนใส่แต่ทำตก เกิดระเบิดใส่ขาตัวเองขาด

ด้วยความที่คนร้ายไม่มีความเป็นมืออาชีพในการปาระเบิดหรือเปล่า จึงทำให้ฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม และสภาความมั่นคงแห่งชาติ ออกมาประสานเสียงบอกตรงกันว่า นี่ไม่ใช่การก่อวินาศกรรม และยังไม่ยืนยันว่าเป็นกลุ่มฮิซบัลเลาะห์หรือไม่

มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดเข้ามาร่วมตรวจสอบ เบื้องต้นเชื่อว่า กลุ่มที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ก่อเหตุที่ประเทศจอเจียร์ และอินเดียที่มีผู้บาดเจ็บ 4 คน ก่อนหน้าเหตุระเบิดในไทย  เพราะวิธีการต่อวงจรระเบิด และวิธีปฏิบัติการ มีความคล้ายคลึงกัน

แต่นักวิเคราะห์ชาวต่างชาติก็เห็นต่างครับว่ายังไม่ควรสรุปว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไทย เชื่อมโยงไปยังการก่อการร้ายในอินเดีย และจอเจียร์ เพราะดูเหมือนว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในไทย จะเป็นแค่เพียงมือสมัครเล่นเท่านั้น
ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในประเทศไทย ขณะที่ รมว.ต่างประเทศ ระบุว่า ขณะนี้กำลังประสานกับทางการอิหร่าน เพื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้ทั้ง 2 คน ส่วนอีกคน 1 หลบหนี้ไปมาเลเซีย และถูกทางการของมาเลเซียจับกุมตัวได้แล้ว

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นะครับว่าประเทศไทยปล่อยวีซ่าให้ชาวต่างชาติง่ายเกินไปหรือไม่ จนกลายเป็นช่องโหวตให้คนร้ายเดินทางเข้าไทยมาก่อเหตุได้ง่ายขึ้น

ถ้าคุณลองสังเกต การจะขอวีซ่าเข้าประเทศใหญ่ๆ มีวิธีการที่ละเอียด และเข้มงวดมากทีเดียว แต่ในไทย เราเห็นชาวต่างชาติ เดินกันให้ขวักไขว่ บางสถานที่ บางช่วงเวลามีมากกว่าคนไทยด้วยซ้ำ อย่างใน BTS นี่แสดงให้เห็นว่า ไทยหละหลวมในการตรวจสอบคนเข้าเมือง และแม้ไทยจะไม่ใช่เป้าหมายหลักของการก่อการร้าย แต่ด้วยความหละหลวมเช่นนี้หรือไม่ จึงทำให้มีโอกาสเกิดเหตุวินาศกรรม ได้มากกว่าประเทศที่เข้มงวดเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง อย่างอเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ และประเทศโซนยุโรป เป็นต้น

ฝ่ายข่าว Nation U Channel



ความรักของผู้มีความหลากหลายทางเพศ



10/02/2555

ฝ่ายข่าว Nation U Channel สัมภาษณ์คุณปูเป้ Mango TV (ความรักของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ)

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

ราคาอาหารจานเดียวควรอยู่ที่ 25-30 พ่อค้า แม่ค้า ว่าอย่างไร ?



10/02/2555

ทุกวันนี้คุณทานข้าวจานเดียว ตกอยู่จานละเท่าไหร่ คุณพอใจกับราคาที่ต้องจ่ายแล้วหรือไม่ คิดว่าราคารแบบนี้ยุติธรรมแล้ว หรือว่าแพงไป ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าผู้บริโภคบางรายบอกว่า ขณะนี้ราคาอาหารปรุงสำเร็จปรับตัวสูงขึ้นทำให้ต้องหาร้านที่มีราคาถูกเพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยระบุว่า ราคาอาหาร ไม่ว่าจะเป็นข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว หรืออาหารตามสั่งที่ยอมรับได้ ควรจะอยู่ที่ราคาประมาณจานละ 25-30 บาท และไข่ดาว 1 ฟองควรมีราคาไม่เกิน 5 บาท เนื่องจากขณะนี้เนื้อหมู ไก่ รวมทั้งไข่ไก่ มีราคาลดลง

เมื่อได้ยินเสียงผู้บริโภคแบบนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน นางวัชรี  วิมุกตายน ก็ต้องหาทางช่วยเหลือผู้บริโภค โดยเธอได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง ทั้งห้างค้าปลีก-ค้าส่ง และอาคารสำนักงาน หลังจากมีการร้องเรียนราคาอาหารแพงผ่านสายด่วน 1569 เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในห้าง ซึ่งอาหารจานเดียวราคาเฉลี่ยอยู่ที่จานละ 35-45 ซึ่งขณะนี้กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดต้นราคาอาหารให้ รมว.พาณิชย์พิจารณา เพื่อออกประกาศราคาแนะนำอาหารจานเดียวที่เหมาะสม เช่น ข้าวไข่เจียว ข้าวกะเพราหมู ราคาอาหารแนะนำควรจะอยู่ที่ 25-30 บาท ซึ่งเป็นราคารวมวัตถุดิบและเครื่องปรุง รวมถึงค่าแรงและค่าเช่าพื้นที่แล้ว

คงต้องดูกันต่อว่าราคาอาหารในห้างจะลดลงหรือไม่ หลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศราคาแนะนำออกมา และเราจะได้เห็นราคาอาหารในห้างจานหนึ่งมีราคาจานละ 25 ซักจานได้หรือไม่ ต้องตามดูต่อ

ผมเชื่อว่าหลายคงทานข้าวตามตลาด ท้องถนนทั่วไป จึงลองไปถามพ่อค้า แม่ค้าอาหารแถวเยาวราชว่า ราคาอาหารจานเดียวควร อยู่ที่ 25-30 บาท คิดเห็นอย่างไร ปรากฏว่ามีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ร้านที่ขาย 25-30 บาทบางร้านบอกว่าเพราะขายเยอะ และสงสารผู้บริโภค ส่วนร้านที่ขายไม่ได้ในราคานี้ ก็บอกว่ามีค่าใช้จ่ายหลายอย่างถึงแม้ราคาเนื้อหมู เนื้อไก่จะลดลง แต่ผักและเครื่องเทศมีราคาที่สูงขึ้น แม่ค้าคนหนึ่งกล่าว

เห็นราคาอาหารแพงขึ้นนั่นคงหมายความว่า ค่าครองชีพในปัจจุบันสูงขึ้น จึงอยากฝากไปยังบริษัท ห้างร้านต่างๆ ให้ขึ้นเงินเดือนกับลูกน้อง ลูกจ้าง เพื่อให้สมดุลกับค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงไป จะได้หรือไม่ ?

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

น้ำจะท่วมปีนี้('54) เอาอยู่ ไม่อยู่



03/02/2555

น้ำจะท่วมหรือไม่ท่วมในปีนี้ เป็นคำถามที่ ตอนนี้นักวิชาการด้านน้ำออกมาให้คำตอบค่อนข้างชัดเจนแล้วนะครับว่า น้ำจะท่วมใหญ่อีกรอบ

รศ.เสรี ศุภราทิตย์ วิเคราะห์ไปในด้านปรากฏการทางธรรมชาติครับว่าปีนี้ ปรากฏการณ์ลานินญ่าจะอ่อนลง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีฝนน้อยลง ซึ่งปรากฏการณ์ลานินญ่า คือเหตุการณ์ที่อุณหภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งประเทศไทยสูงขึ้น (ร้อนขึ้น) ขณะที่อุณหภูมิในมหาสมุทรฝั่งอเมริกาเย็นลง ลมจึงพัดพาความชื้นมาสู่ประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง ทำให้เกิดฝนชุกในประเทศไทย อย่างเช่นปีที่ผ่านมา ที่สำคัญครับคือปีนี้ฝนมาเร็วกว่าปกติ ฝนจะเริ่มตกตั้งแต่ช่วงต้นปีไปจนถึงเดือนพฤษภาคม พอถึงเดือนมิถุนายนก็จะเข้าสู่ภาวะฝนทิ้งช่วง ซึ่งน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ทำให้เกิดน้ำท่วม แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้ คือ พายุที่อาจจะพัดเข้าสู่ประเทศไทย จะเห็นได้ว่าปีที่ผ่านมา มีพายุพัดเข้ามา และส่งอิทธิพลต่อไทยถึง 5 ลูก แม้จะไม่รุนแรงมากแต่ก็ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถพยากรณ์ได้แน่นอนว่าจะมีพายุเข้าสู่ไทยอีกหรือไม่ การเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมจึงเป็นเรื่องจำเป็น และเกษตรกรควรปรับเปลี่ยนฤดูกาลเพาะปลูกให้ตรงกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

คุณสมิทธ ธรรมสโรช วิเคราะห์ไปในด้านการบริหารจัดการน้ำครับว่า น้ำจะท่วมอีกแน่นอน เพราะดับน้ำในเขื่อนภูมิพลยังอยู่ในระดับร้อยละ 90 และติติงไปยังหน่วยงานบริหารจัดการน้ำของไทยว่ามีตั้ง 20 หน่วยงานถือว่าเยอะที่สุดในโลก แต่ทำงานไร้เอกภาพ แยกกันอยู่คนละหน่วยงาน และรัฐบาลก็ยังไม่มีแผนงานระบายน้ำที่ชัดเจนว่าจะระบายออกแม่น้ำท่าจีนหรือบางปะกง อีกทั้งบอกว่านักการเมืองไม่ค่อยเชื่อนักวิชาการ กรมอุตุนิยมวิทยา คำนวณล่วงหน้าได้หลายเดือน แต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีหน่วยงานที่จะเอาไปใช้ การทำแผนงานจัดระบบข้อมูลและระบบการเตือนภัยที่ กยน. มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม ก็ประชุมกันเพียงครั้งเดียว กยน. ที่ตนเป็นกรรมการอยู่ด้วยนั้นก็ไม่มีแผนงานเป็นรูปธรรม การอนุมัติงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาทใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ไม่มีข้อเสนอนักวิชาการอยู่ในแผนงาน การแถลงของนายกฯก่อนนี้ก็ไม่เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการทำ floodway ว่าจะเป็นจุดใด ที่ไหน ทางน้ำผ่านไปทางไหน ไปทางตะวันออก ตะวันตก ผ่าน กทม. หรือไม่ หรือไปยังแม่น้ำบางปะกงก็ยังไม่เห็นแผน

สำหรับแนวทางการแก้ไขน้ำท่วมนักวิชาการต่างเสนอออกมาตรงคือ 1. สร้างทางด่วนระบายน้ำขนาดใหญ่(ฟลัดเวย์) 2. ทำแก้มลิงรับน้ำ 3. ขุดลองคูคลอง 4. บริหารจัดการน้ำในเขื่อนให้ดี 5. หาวิธีในน้ำระบายออกสู่ทะเลได้หลายๆช่องทาง

         ถึงเวลาที่เราคงต้องเตรียมตัวรับมือน้ำท่วมกันอีกครั้ง ถ้ารัฐบาลสามารถบริหารจัดการน้ำได้ก็โชคดีไป แต่ถ้ารัฐบาลซึ่งได้ตั้งคณะกรรม กยน. มีนักวิชาการด้านน้ำ ออกมาวิเคราะห์ และบอกแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบนี้แล้ว ยังชักช้า ไม่รีบดำเนินการ แล้วน้ำท่วมซ้ำอีก ทั้งนักลงทุน ชาวต่างชาติ ประชาชน ชาวบ้าน คงจะหมดความเชื่อมั่นกับรัฐบาลชุดนี้เป็นแน่

ขอเป็นกำลังใจให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ เอาอยู่นะครับ ปีนี้

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

"ทำไม" ต้องก่อการร้ายในไทย !?



21/01/2555


กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมา หลังจากที่สหรัฐออกมาประกาศเตือนพลเมืองของอเมริกาว่าอาจมีการก่อการร้ายขึ้นในประเทศไทย ในอนาคตอันใกล้นี้ สหรัฐออกประกาศชัดเจนแบบนี้ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาไทย

 โฆษกสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ระบุว่า การออกคำเตือนในระดับนี้จะเกิดขึ้นเมื่อได้รับรายงานความเป็นไปได้ที่แน่ชัด ว่าอาจจะเกิดการโจมตีที่เป็นภัยคุกคามต่อคนอเมริกัน และ ยืนยันว่าได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานความมั่นคงของไทยทุกหน่วยงานอยู่แล้ว โดยระบุได้แต่เพียงว่ากลุ่มก่อการร้ายต่างชาติอาจจะโจมตีในอนาคตอันใกล้

 เมื่อรัฐบาลไทยได้ยินได้ฟังแบบนี้แล้วก็ไม่ได้อยู่เฉย สามารถจับผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายได้หลังจากที่สหรัฐออกมาเตือนไม่นานนัก นายกยิ่งลักษณ์ บอกว่า ความจริงเราได้รับกระแสข่าวมานานแล้ว ซึ่งได้ให้หน่วยข่าวกรองและทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามข่าวเป็นระยะ และตนได้สั่งการกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ติดตามอย่างใกล้ชิด และรายงานตลอด 24 ชั่วโมง

 ล่าสุดตำรวจไดจับกุมนายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องสงสัยในคดีการก่อการร้าย เพราะซุกซ่อนสารประกอบวัตถุในอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร และรายงานว่า ทางตำรวจพบหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในโบสถ์แห่งหนึ่ง โดยนายเจมี เปาโล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนล่าสุดที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับ ไปปรากฏตัว ลักษณะคล้ายดูลาดเลา

อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนยังไม่สามารถดำเนินคดีนายอาทริส ฮุสเซน และนายเจมี เปาโล ในข้อหาก่อการร้ายได้ เพราะพยานหลักฐานยังเชื่อมโยงไปไม่ถึงว่าทั้งหมดพยายามเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ขณะนี้สามารถดำเนินคดีได้เพียงกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยุทธภัณฑ์ ในกรณีครอบครองแอมโมเนียไนเตรต โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น

 ข้อสังเกตคือถ้ารัฐบาลรู้มานานแล้ว ทำไมไม่รีบดำเนินการก่อนที่สหรัฐจะออกมาเตือน
คำถามในใจที่หลายคนตั้งขึ้นในตอนนี้คือ ทำไมต้องก่อการร้ายในไทย มีทั้งนักวิชาการ นักการเมืองมาวิเคราะห์ให้ข้อมูลกันเต็มไปหมด

พล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่า เพราะกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็น ชาวอิหร่านมีเป้าประสงค์เพื่อจ้องล้างแค้นพวกอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย  ที่ผ่านมาชาวอิสราเอลไปสังหารชาวอิหร่านเสียชีวิตจำนวนมาก จึงมีการวางทีมไว้เพื่อทำการแก้แค้น

ขณะเดียวกัน รศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง บอกว่าการตั้งข้อสังเกตของพล.อ.ยุทธศักดิ์ ว่าอิหร่านสนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ให้ก่อความรุนแรงในประเทศไทยนั้น ไม่น่ามีความเป็นไปได้ เพราะถ้าศึกษาประวัติศาสตร์จะพบว่าประเทศไทยกับอิหร่านมีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แขกเปอร์เซียมีความใกล้ชิดกับราชสำนักสยาม ต้นตระกูลที่เป็นแขกเปอร์เซียอิหร่านทุกวันนี้ ก็เป็นใหญ่เป็นโตในประเทศไทยมากมาย รัฐบาลไทยต้องไม่ดำเนินการอะไรให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ นำไปสู่ความกินแหนงแคลงใจกันในระยะยาว

อีกด้านหนึ่ง อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษ โทนี แบลร์ ที่มาเยือนประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวในไทยก็ต้องถามว่า คิดเห็นอย่างไรที่สหรัฐออกมาเตือนว่าอาจมีการก่อการในไทยโทนี แบลร์บอกว่า ความเสี่ยงของการเกิดการก่อการร้าย ก็พอๆกับชาติตะวันตกนั่นแหละ และถ้ารัฐบาลบริหารจัดการดีดี ก็อาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก

ประเทศไทยอาจไม่โชคดีนักที่เข้าไปมีส่วนเป็นประเทศที่อาจเกิดการก่อการร้าย ต่อแต่นี้เราจะต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท และติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

บัตรเอ๋ย...บัตรทอง



12/01/2555

เริ่มได้กลิ่นของการหาผลประโยชน์ระหว่างนักการเมือง กับกลุ่มธุรกิจข้ามชาติในวงการสาธารณะสุขไทยเมื่อประธานชมรมแพทย์ชนบท ยืนยันว่าแผนล้มระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีจริง และได้เล่าให้นักข่าวฟังว่า เริ่มต้นจากผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขส่วนหนึ่งที่รับไม่ได้กับบทบาท อำนาจที่หายไป จึงได้จับมือกับกลุ่มแพทย์พาณิชย์ที่เคยคัดค้านนโยบายบัตรทองของนายกทักษิณ ชินวัตร เปิดวอร์รูมขึ้นที่ห้องผู้บริหารของกระทรวงท่านหนึ่ง เมื่อสามปีที่แล้ว

ขั้นตอนที่หนึ่ง ฝ่ายการเมืองเปิดทางให้กลุ่มแพทย์ที่ไม่เห็นด้วยกับระบบหลักประกันสุขภาพรวมทั้งนายทุนพรรคเพื่อไทยเข้ายึดครองบอร์ด สปสช. เพื่อจัดคนของตัวเองเข้าสู่อนุกรรมการการเงินการคลังและอนุกรรมการชุดต่างๆ รวมทั้งปรับนโยบายหลักประกันสุขภาพที่เดิมยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางเปลี่ยนเป็นยึดหน่วยบริการเป็นหลัก

ขั้นตอนที่สอง เปลี่ยนเลขาธิการ สปสช.เอาตัวแทนของฝ่ายการเมืองเป็นแทน เพื่อยึดครองสปสช.และลดบทบาทการปฏิรูปและตรวจสอบระบบบริการ
ขั้นตอนที่สาม ของบประมาณเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับที่ประกันสังคมเพิ่มครั้งใหญ่และที่สวัสดิการข้าราชการได้รับ เพื่อสร้างเงื่อนไขภาระงบประมาณให้รัฐบาล

ขั้นตอนที่สี่ สร้างกระแสสังคมให้ยุบเลิกหรือแก้ไขสาระสำคัญของ พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 เป็นการสิ้นสุดยุคปฏิรูประบบสุขภาพที่ นพ.สงวน นิตยารัมพงศ์ และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมกับภาคประชาชน เริ่มต้นขึ้น

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนนพ.สงวน ได้ให้แนวคิดและได้อธิบายหลักการของหลักประกันสุขภาพไว้อย่างชัดเจนว่า "การประกันสุขภาพเป็นส่วนหนึ่งของการประกันสังคม ซึ่งเป็นการส่งเสริมระบบความมั่นคงทางสังคมวิธีหนึ่ง โดยให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนเมื่อเกิดการเจ็บป่วยหรือมีความจำเป็นต้องไปรับบริการทางสุขภาพทุกประเภท ซึ่งผู้ที่ได้รับความคุ้มครองดังกล่าวสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเมื่อมีความจำเป็นยามเจ็บป่วยได้ โดยไม่ต้องกังวลถึงรายได้รายจ่ายหรือความแตกต่างของสถานะทางเศรษฐกิจ

นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคจึงกลายเป็นนโยบายที่โดดเด่นของพรรคไทยรักไทยในสมัยนั้น จนนำมาสู่การชนะการเลือก และเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี

ต่อมาเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นเป็นรัฐบาล ได้ยกเลิกการใช้บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค แล้วให้รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนแสดงสิทธิของตน แต่ยังคงใช้แนวเดียวกันกับหลักประกันสุขภาพ จนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่มีการใช้นโยบายบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค หรือใช้บัตรประชาชนรักษาฟรี มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่หลากหลายแง่มุมกันออกไป บางส่วนเห็นว่าคุณภาพของยาต่ำ และได้รับบริการทางการแพทย์ไม่ดีเทียบเท่ากับการที่ต้องจ่ายเงิน แต่บางส่วนก็เห็นว่าได้ประโยชน์การการใช้สิทธินี้ และได้รับบริการทางการแพทย์ที่เท่าเทียมกัน แม้จะจ่ายเพียง 30 บาท หรือไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย

อย่างไรก็ตามหลักประกันสุขภาพก็ยังคงเป็นที่พึ่งให้กับคนยากจน ให้ได้มีโอกาสได้รับการรักษาทางการแพทย์ ส่วนปัญหาด้านคุณภาพของยาต่ำ และได้รับบริการทางการแพทย์ไม่ดีเทียบเท่ากับการที่ต้องจ่ายเงิน กระทรวงสาธารณสุขคงต้องเอาจริง เอาจังกวดขันให้มีความเท่าเทียมกัน ใช้หลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ตั้ง

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งของเครือข่ายแพทย์ชนบทคือนโยบายนี้เกิดขึ้นในช่วงสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่จะสิ้นสุดเอาเพราะนักการและนักธุรกิจในยุคของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างนั้นหรือ นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า ฉะนั้นขอเรียกร้องให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดูแลเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

สำคัญที่สุดตอนนี้ที่ต้องจับตามองคือ เมื่อประธานแพทย์ชนบทออกมาเปิดเผยถึงแผนล้มหลักประกันสุขภาพ และกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ที่มาจากเครือข่ายแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรพ.ชุมชนทั่วประเทศ เตรียมออกมาเคลื่อนไหว อย่างน้อยก็ทำเอาพวกนักการเมือง กับนักธุรกิจที่เอาแต่ประโยชน์ตัวเอง ไม่กลัวบาปกลัวกรรม ต้องหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆกันทีเดียว เป็นไปได้กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังไม่สาย มิเช่นนั้นจะถูกสังคมประณามโดยไม่จำเป็น

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

น้ำท่วมภาคใต้อีกแล้วหรือ ? คำถามที่หลายคนตั้งขึ้นในใจ แล้วเราต้องทำอย่างไร



5/01/2555

ตอนนี้คงจะต้องจับตามองไปที่สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทย ถ้ายังจำกันได้เมื่อปีที่แล้วก็ท่วม ปีนี้ก็ท่วม มีการอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ว่านี่เป็นปรากฏการณ์ ลานินญ่า เป็นปรากฏการณ์อุณหภูมิของน้ำทะเลแถบเส้นศูนย์สูตรจะต่ำกว่าปกติ จนนำไปสู่การเกิดพายุกระหน่ำผิดปกติ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือการถมที่ ถมทาง สร้างสิ่งปลูกขวางทางน้ำไหล ก็ทำให้ศักยภาพในการระบายน้ำลดลง

มองต่อไปแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ รศ.เสรี ศุภราทิตย์ นักวิชาการที่คร่ำหวอดในการวิเคราะห์สถานการณ์น้ำได้เสนอแนวการในการแก้ไปปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ไว้ว่าควรขุดคลองระบายน้ำอ้อมเมือง ซึ่งจะรับน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขา อ้อมเมืองมาลงสู่ทะเล โดยไม่ผ่านตัวเมือง แต่ในปัจจุบันคลองที่ว่านี้ยังไม่เกิดขึ้น ส่วนตามแม่น้ำ ลำธารที่อาจเกิดน้ำล้นตลิ่งก็ควรมีการทำแก้มลิงไว้รับน้ำที่ล้นออกมา เป็นการป้องกันน้ำท่วมได้อีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตามแนวทางแก้ไขต่างๆเหล่านี้ต้องอาศัย การวางผังเมืองซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และไม่รู้จะเกิดขึ้นหรือไม่ อาจมีปัญหาด้านงบประมาณ รัฐบาลต้องใส่ใจ เอาจริงเอาจัง และต้องทำโดยให้ชุมชนที่ส่วนร่วมในการวางผังเมืองร่วมกัน รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ได้ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยที่สุดในโลก ได้ใช้โอกาสในช่วงหลังเกิดภัยธรรมชาติวางแผนเมืองใหม่ทั้งหมดเพื่อรองรับกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น ตอนนี้มีประชาชนคนญี่ปุ่นจำนวนมาก ยังไม่ได้กลับบ้านเพราะรัฐบาลกำลังวางแผนเมือง และสร้างบ้านให้พวกเขา ที่สำคัญคือรัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดโอกาสให้ชุนชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการวางผังเมืองในครั้งนี้

ระบบการเตือนภัยในประเทศไทยก็ค่อนข้างมีปัญหา เรายังขาดบุคลากรทางด้านนี้ และที่สำคัญคือระบบเตือนภัยในหลายพื้นที่ ไร้ประสิทธิภาพ บางแห่งใช้งานไม่ได้ เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้นมาจริงๆ ก็ไร้ประโยชน์ การเตือนภัยล่วงหน้ามีความแม่นยำชัดเจน ได้ล่วงหน้าไป 7 วัน ดังนั้นหากระบบการเตือนภัยมีประสิทธิภาพ อย่างน้อยก็มีเวลา 7 วันในการอพยพชีวิต และสิ่งของ ความเสียหายก็คงน้อยกว่านี้  

อีกด้านหนึ่งเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อย ก็ทำให้ชุนชนกลายเป็นชุมชนเข้มแข็ง เกิดการเรียนรู้ว่าเมื่อเกิดภัยธรรมชาติขึ้น การพึ่งพาตนเองนั่นแหละ การช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งและกันนั่นแหละเป็นสิ่งที่ดีที่สุดจะรับมือกับภัยธรรมชาติ

นับวันภัยธรรมชาติจะรุนแรง และเกิดถี่ขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสติในการใช้ชีวิต มิเช่นนั้นคุณอาจเป็นผู้เสียหายจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น โดยที่คุณไม่รู้ตัว

ฝ่ายข่าว Nation U Channel