วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บัตรเอ๋ย...บัตรทอง



12/01/2555

เริ่มได้กลิ่นของการหาผลประโยชน์ระหว่างนักการเมือง กับกลุ่มธุรกิจข้ามชาติในวงการสาธารณะสุขไทยเมื่อประธานชมรมแพทย์ชนบท ยืนยันว่าแผนล้มระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีจริง และได้เล่าให้นักข่าวฟังว่า เริ่มต้นจากผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขส่วนหนึ่งที่รับไม่ได้กับบทบาท อำนาจที่หายไป จึงได้จับมือกับกลุ่มแพทย์พาณิชย์ที่เคยคัดค้านนโยบายบัตรทองของนายกทักษิณ ชินวัตร เปิดวอร์รูมขึ้นที่ห้องผู้บริหารของกระทรวงท่านหนึ่ง เมื่อสามปีที่แล้ว

ขั้นตอนที่หนึ่ง ฝ่ายการเมืองเปิดทางให้กลุ่มแพทย์ที่ไม่เห็นด้วยกับระบบหลักประกันสุขภาพรวมทั้งนายทุนพรรคเพื่อไทยเข้ายึดครองบอร์ด สปสช. เพื่อจัดคนของตัวเองเข้าสู่อนุกรรมการการเงินการคลังและอนุกรรมการชุดต่างๆ รวมทั้งปรับนโยบายหลักประกันสุขภาพที่เดิมยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางเปลี่ยนเป็นยึดหน่วยบริการเป็นหลัก

ขั้นตอนที่สอง เปลี่ยนเลขาธิการ สปสช.เอาตัวแทนของฝ่ายการเมืองเป็นแทน เพื่อยึดครองสปสช.และลดบทบาทการปฏิรูปและตรวจสอบระบบบริการ
ขั้นตอนที่สาม ของบประมาณเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับที่ประกันสังคมเพิ่มครั้งใหญ่และที่สวัสดิการข้าราชการได้รับ เพื่อสร้างเงื่อนไขภาระงบประมาณให้รัฐบาล

ขั้นตอนที่สี่ สร้างกระแสสังคมให้ยุบเลิกหรือแก้ไขสาระสำคัญของ พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 เป็นการสิ้นสุดยุคปฏิรูประบบสุขภาพที่ นพ.สงวน นิตยารัมพงศ์ และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมกับภาคประชาชน เริ่มต้นขึ้น

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อนนพ.สงวน ได้ให้แนวคิดและได้อธิบายหลักการของหลักประกันสุขภาพไว้อย่างชัดเจนว่า "การประกันสุขภาพเป็นส่วนหนึ่งของการประกันสังคม ซึ่งเป็นการส่งเสริมระบบความมั่นคงทางสังคมวิธีหนึ่ง โดยให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนเมื่อเกิดการเจ็บป่วยหรือมีความจำเป็นต้องไปรับบริการทางสุขภาพทุกประเภท ซึ่งผู้ที่ได้รับความคุ้มครองดังกล่าวสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเมื่อมีความจำเป็นยามเจ็บป่วยได้ โดยไม่ต้องกังวลถึงรายได้รายจ่ายหรือความแตกต่างของสถานะทางเศรษฐกิจ

นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคจึงกลายเป็นนโยบายที่โดดเด่นของพรรคไทยรักไทยในสมัยนั้น จนนำมาสู่การชนะการเลือก และเปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี

ต่อมาเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นเป็นรัฐบาล ได้ยกเลิกการใช้บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค แล้วให้รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนแสดงสิทธิของตน แต่ยังคงใช้แนวเดียวกันกับหลักประกันสุขภาพ จนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่มีการใช้นโยบายบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค หรือใช้บัตรประชาชนรักษาฟรี มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่หลากหลายแง่มุมกันออกไป บางส่วนเห็นว่าคุณภาพของยาต่ำ และได้รับบริการทางการแพทย์ไม่ดีเทียบเท่ากับการที่ต้องจ่ายเงิน แต่บางส่วนก็เห็นว่าได้ประโยชน์การการใช้สิทธินี้ และได้รับบริการทางการแพทย์ที่เท่าเทียมกัน แม้จะจ่ายเพียง 30 บาท หรือไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย

อย่างไรก็ตามหลักประกันสุขภาพก็ยังคงเป็นที่พึ่งให้กับคนยากจน ให้ได้มีโอกาสได้รับการรักษาทางการแพทย์ ส่วนปัญหาด้านคุณภาพของยาต่ำ และได้รับบริการทางการแพทย์ไม่ดีเทียบเท่ากับการที่ต้องจ่ายเงิน กระทรวงสาธารณสุขคงต้องเอาจริง เอาจังกวดขันให้มีความเท่าเทียมกัน ใช้หลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ตั้ง

ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งของเครือข่ายแพทย์ชนบทคือนโยบายนี้เกิดขึ้นในช่วงสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่จะสิ้นสุดเอาเพราะนักการและนักธุรกิจในยุคของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างนั้นหรือ นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า ฉะนั้นขอเรียกร้องให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดูแลเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

สำคัญที่สุดตอนนี้ที่ต้องจับตามองคือ เมื่อประธานแพทย์ชนบทออกมาเปิดเผยถึงแผนล้มหลักประกันสุขภาพ และกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ที่มาจากเครือข่ายแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรพ.ชุมชนทั่วประเทศ เตรียมออกมาเคลื่อนไหว อย่างน้อยก็ทำเอาพวกนักการเมือง กับนักธุรกิจที่เอาแต่ประโยชน์ตัวเอง ไม่กลัวบาปกลัวกรรม ต้องหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆกันทีเดียว เป็นไปได้กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังไม่สาย มิเช่นนั้นจะถูกสังคมประณามโดยไม่จำเป็น

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น