วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รอยต่อของชีวิต Admission



รอยต่อระหว่างม.6 กับ ปี 1 ในมหาวิทยาลัย คงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และเป็นช่วงเวลาของความตรึงเครียดครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ เพราะเป็นช่วงของการสอบแข่งขันกัน และนำคะแนนเกรดเฉลี่ยที่ได้จากการเรียนในช่วงมัธยมปลายมาแอดมิชชั่น เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย

หลายคนสมหวังเมื่อสามารถสอบเข้า หรือแอดมิชชั่นติดในมหาวิทยาลัยที่ตนเองคาดหวังได้ แต่หลายคนก็ผิดหวัง หลังจากแอชมิชชั่นไม่ติด

นางสาวธัญธิดา นาระต๊ะ นักเรียนโรงเรียนสิงห์สุมทร พึงจบม.5 กำลังจะขึ้นม.6 ในปีนี้ ซึ่งได้มาเยี่ยมชมงาน Uexpo 2012 เธอมาเพื่อเก็บข้อมูลไว้ล่วงหน้า เธอยอมว่าค่อนข้างกังวลกับช่วงรอยต่อของชีวิต ระหว่างม.6 กับ ปี 1 ในมหาวิทยาลัย ว่าจะสามารถหาที่เรียนได้หรือไม่

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐหลายแห่ง ยังคงเป็นที่นิยมของผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ขณะเดียวกันธุรกิจการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยเอกชนก็มีการแข่งขันกันสูง มีการพัฒนาการด้านศักยภาพการเรียนการสอน และทำการตลาดกันอย่างคึกคัก ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเรียนมหาวิทยาเอกชนสูงตามไปด้วย

ผมเข้าไปคุยกับนักเรียนกลุ่มหนึ่งยอมรับว่า พวกเขามีความมุ่งมั่นที่เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของรัฐให้ได้

อย่างไรก็ตาม สำนวนที่ว่า “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” และ “มีสติอยู่กับปัจจุบัน” น่าจะเป็นสำนวนที่ใช้เตือนใจ ในช่วงรอยต่อของชีวิต ระหว่างม.6 กับ ปี 1 ในมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเรียนที่ไหน สำคัญที่สุดคือตัวเราเอง ว่าจะใฝ่รู้ ใฝ่เรียนหรือไม่ // ธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย : รายงาน

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วาทะกรรมทางการเมืองในโลกความจริง และโลกเสมือนจริง

19/5/2555

กลุ่มนปช.จัดกิจกรรมรำลึก 2 ปีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง โดยประธาน นปช.ระบุว่า เป็นการรวมตัวแสดงพลังประชาธิปไตย เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร และทวงถามความเป็นธรรม ให้กับผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะกระแสความต่อต้านกลุ่มนปช.ก็มีให้เห็นอย่างต่อเนื่องและรุ่นแรง ติดตามจากรายงานครับ


(รายงานข่าวชิ้นนี้ใช้ Smartphone ถ่ายทำทั้งหมด)


ถนนหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด และโดยรอบสี่แยกราชประสงค์ถูกแทนที่จากการจราจรที่ติดขัดในวันปกติ เป็นตลาดนัดของคนเสื้อแดง ที่มารวมตัวกันเพื่อรำลึกเหตุการณ์สลายการชุมชนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
กระแสในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คเกี่ยวกับการชุมชนทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงก็มีเข้ามาอย่างรุนแรง ตั้งแต่เช้า ที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง และแสดงความไม่ชอบใจ พร้อมตั้งคำถามถึงเหตุการณ์เผาบ้าน เผาเมือง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน หนึ่งสมาชิกของกลุ่มสันติประชาธรรม นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ ตั้งสถานะในหน้าวอล์เฟสบุ๊คส่วนตัวแสดงความเห็นต่าง ว่าเห็นใจนักธุรกิจพ่อค้าแม่ค้าที่สูญเสียทรัพย์สิน แต่ก็ยืนยันเคารพหัวใจของประชาชนเสื้อแดง ประชาชนเสื้อแดงคือสามัญชนผู้มีความหวัง ความฝันเหมือนเราๆท่านๆ ลุกขึ้นต่อสู้ เพื่อสิทธิของตน เพียงแต่ประชาชนเสื้อแดงถูกริดรอนสิทธิพึงมีพึงได้ รวมถึงศักดิ์ศรีของมนุษย์ผู้มีเสรีภาพและความเสมอภาคมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลที่ผู้ถือครองอำนาจอ้างว่า ประชาชนโง่ แต่ประชาชนไม่โง่ และมีพลังประชาชนมหาศาล
บรรยากาศการชุมชนทางการเมืองครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อการจราจรใจกลางเมืองหลวง ห้างสรรพสินเซ็นทรัลเวิย์ดตัดสินใจปิดให้บริการตั้งแต่บ่าย 3 โมง

ต่อมาช่วง 3 ทุ่มตรง คุณทักษิณ ชินวัตร VDO Link เข้ามาท่ามกลางการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง พูดถึงคดีอากง SMS กับกระบวนการยุติธรรม แบบไทยๆ และตอนท้ายกล่าวว่าเราจะต้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ เราต้องเลิกทะเลาะกัน หันมาปรองดอง ผมไม่อยากเห็นใครแพ้ใครชนะ อยากเห็นประเทศชนะ อยากเห็นลูกหลานของเราทันกับประเทศที่เจริญแล้ว

วาทะกรรมทางการเมืองทั้งในโลกความเป็นจริง และโลกเสมือนจริงอย่าง Social Network อาจเป็นเหตุผลสำคัญ ว่าทำไมประเทศไทย จึงไม่เกิดการปรองดองขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม // ธัญพิสิษฐ์ เลิศบำรุงชัย Nation U Channel รายงาน










วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“เปิดใจ” อดีตผู้เคยเสพยา เลิกได้เพราะสงสารแม่



26/03/2555

ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นปัญญาใหญ่ของสังคมในทุกวันนี้ และปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มคนซึ่งเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดส่วนใหญ่เป็นเยาวชน

 คุณหมู (นามสมมติ) อายุ 25 ปี อาศัยอยู่ย่านบางบอน กรุงเทพมหานคร ได้เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาว่า พ่อของเขาเสียชีวิตลงตั้งแต่เขายังเด็ก ต่อมาพออยู่ม. 3 ก็มีเพื่อนชวนไปลองเสพยา ตนเองยอมรับว่าคบเพื่อนไม่ดี และได้เสพยามานานถึง 4 ปี ขณะเสพไม่เคยถูกตำรวจจับได้ เพราะเสพในบ้านเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เมื่อถามว่านำเงินจากไหนมาซื้อยาเสพติด คุณหมูบอกว่า เก็บขยะขายบ้าง แอบขโมยเงินของแม่ไปซื้อยาบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วสามารถเลิกเสพยาได้อย่างไร คุณหมูยอมรับว่าสงสารแม่มากๆ ตอนกำลังเลิกรู้สึกทรมานมาก ใช้เวลาหักดิบอยู่ 2 เดือนก็สามารถเลิกได้สำเร็จ คุณหมูย้ำว่าที่สามารถหักห้ามใจ และเลิกได้เพราะแม่ สงสารแม่ แม่ทำงานหนักมาก และผมก็รักแม่มาก ผมจึงเลิกเพื่อแม่

ข่าว/ภาพ :: จิรสิน ยิ่งยงศักดิ์ศรี
 Nation U Channel 

“กวดวิชา กับปัญหาการศึกษาไทย ?” บทสัมภาษณ์อาจารย์ปิง ดาวองก์



9/03/2555

เป็นบทสัมภาษณ์ ที่ผมอยากให้คนเป็นครูได้อ่าน และได้ชมคลิปนี้ เพราะคุณคือต้นทางของการปฏิรูปการศึกษา
ผมมีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์อาจารย์กวดวิชาชื่อดัง เป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศ อย่างอาจารย์ปิง ดาวองก์ ผมตั้งประเด็นไว้ว่า กวดวิชา กับปัญหาการศึกษาไทยคำตอบว่าการกวดวิชาเป็นปัญหาของการศึกษาไทยหรือไม่ แล้วปัญหาการศึกษาไทยคืออะไร แล้วจะแก้อย่างไร แก้ที่ใคร อยู่ในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ ที่ผมและทางงานเข้าไปสัมภาษณ์อาจารย์ปิง ถึงบ้านกันเลยทีเดียวครับ
Nation U Channel ถาม
อาจารย์ปิง ดาวองก์ ตอบ
ถาม จุดเริ่มของการกวดวิชาในประเทศไทย เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
ตอบ ถ้ากวดวิชาหมายถึงการสอนพิเศษนะค่ะ มีมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 แล้วค่ะ ก็ที่พระองค์ท่านจ้างแหม่มแอนนาเข้าไปสอนภาษาอังกฤษในพระบรมมหาราชวัง และต่อมาได้พระอาจารย์ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 บางอาจเข้าใจผิดว่าเพิ่งมามีในปัจจุบัน แต่ความจริงมีมานานแล้วค่ะ
ถาม ในปัจจุบันเขามีการออกข้อสอบ Gat Pat เพื่อลดความต้องการในการกวดวิชาลง อาจารย์คิดว่าอย่างไรครับ
ตอบ ในความคิดครูคิดว่า ถ้าจะไม่ให้เด็กกวดวิชา 1. ก็อยากออกข้อสอบให้มันเกินความรู้เด็กสิ อย่างข้อสอบ Gat กับ Pat เนี่ยเป็นมันข้อสอบความถนัดทางวิชาชีพ นั่นหมายความว่ามันอาจไม่มีสอนในโรงเรียนก็ได้ ทำไมไม่เอาวิชาที่เรียนในโรงเรียนไปสอบล่ะ 2. คือการออกข้อสอบยาก มันทำให้เด็กรู้สึกว่าต้องรู้อะไรเยอะนะ ทำไม่ไม่ออกข้อสอบให้มันง่ายแต่แข่งกันด้วยเวลา สมมติว่าออกข้อสอบยากๆมา 50 ข้อ ก็ออกข้อสอบซัก 1000 ข้อแต่ง่ายหมดเลย คือพอมันง่ายหมดเนี่ย มันจะวัดเด็กด้วยว่าเด็กคนไหนหัวไว 
ถาม นั่นหมายความว่า นี่เป็นความผิดพลาดในการข้อสอบของทางผู้ใหญ่ ทางกระทรวงใช่ไหมครับ
ตอบ อย่าไปคิดแบบนั้น ความเป็นจริงในปัจจุบันถ้าครูมีลูก ครูก็จะให้ลูกกวดวิชา ไม่ใช่เหตุผลเรื่องการสอบนะ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ถ้าอยู่ในบ้านก็เล่นแต่เกม คุยโทรศัพท์

ถาม – “สมัยนี่เนี่ยการแข่งขันมันสูง ถ้าไม่กวดวิชา แล้วจะเอาอะไรไปแข่งขันกับเขาการศึกษา กับการแข่งขัน อาจารย์คิดเห็นอย่างไรครับ
ตอบ พวกอาจารย์ที่ซีเรียส ก็มักจะคิดอย่างนี้ แต่ครูไม่เป็นน่ะ ครูรู้สึกว่าครูมีความสุขกับการสอน ครูไม่คิดว่าโรงเรียนกวดวิชา คือโรงเรียนกวดวิชา แต่ครูคิดว่ามันคือที่ที่ครูได้สอนนักเรียนที่ครูรัก มันคนละมุมกัน ครูคิดว่าพวกนี้ตอนเด็ก ๆ ไม่รู้ไปเจออะไรกันมา แต่ในชีวิตครู ครูเจอแต่สิ่งที่ดีดีไงคะ นักเรียนก็ดี อะไรก็ดี ครูก็ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยค่ะ ฉะนั้นครูอยากบอกผู้สื่อข่าว ซึ่งผู้สื่อข่าวบางคนก็ไปเจอแต่อาจารย์แบบนี้ เจออาจารย์ที่เขาอารมณ์ดีบ้างสิ
ถาม ดูเหมือนว่าการกวดวิชาในต่างประเทศ จะมีน้อยนะครับ จากข้อมูลที่รับรู้มา
ตอบ ไม่จริงค่ะ ญี่ปุ่นอันดับหนึ่ง ก่อนที่เราจะไปเข้ายูโตเกียวเราต้องสอบเข้า ฉะนั้นต้องมีการกวดวิชา เกาหลีหนักกว่าเราอีก และนักเรียนที่ไปเรียนต่ออเมริกา เขาก็กวดทั้งนั้น
ถาม นั่นหมายความว่า ประเทศไทยก็ไม่ได้มีการกวดวิชาที่แพ้ไปกว่าต่างประเทศ
ตอบ แต่ที่ต่างประเทศเขาไม่ได้มีสถาบันการกวดวิชาที่มันอะไรอย่างนี้ ครูคิดว่าถ้าเอาเม็ดเงินด้านธุรกิจการกวดวิชามาเทียบกัน มันก็อาจจะพอกันนะ เธอลองคิดดูถ้าเธอเป็นพ่อแม่เด็ก เธอก็อยากจะเสริมความรู้ให้ลูกอยู่แล้วน่ะ เป็นเรื่องปกติ ครูคิดว่ามีกันอยู่ทุกประเทศ แต่ของประเทศเรา บางคนอาจต่อต้านการกวดวิชาหรือเปล่าเพราะ ไม่มีโอกาส
ถาม ด้านความเท่าเทียมกันในสังคม ครูคิดว่าอย่างไรครับ
ตอบ อย่างครูเวลากระทรวงศึกษาเชิญไป ก็ไปสอน และเวลาเราสอนเราก็ไม่ได้กั๊กวิชา ก็สอนให้เต็มที่ ครูสอนเพราะครูมีความสุข และครูก็เชื่อว่าเด็กที่ครูสอน ก็มีความสุข ครูก็เลยมองคนละแบบกับผู้ใหญ่ที่เจอแต่สิ่งร้ายๆ มาตลอดชีวิต

ถาม เด็กไทยเรียนเรียนหนักที่สุดในโลก ไหนจะเรียนในโรงเรียนอีก ไหนจะต้องเรียนกวดเรียนนอกโรงเรียนอีก อาจารย์คิดว่าตรงนี้มีปัญหาไหมครับ
ตอบ เราต้องยอมรับนะ ว่าอาจารย์ไม่ใช่คนเก่งทุกคน อาจารย์บางคนเขาสอนไม่ดีนะ แต่ครูชอบเข้าไปคุยกับเขาจังเลย เวลาสอนในห้องเขาสอนไม่รู้เรื่อง แต่เวลาเขาคุย เขาคุยสนุก เขาคุยรู้เรื่อง อย่างพวกดอกเตอร์สอนอะไรไม่รู้ พูดอะไรไม่รู้ ไม่รู้เรื่อง แล้วมีเด็กมานั่งฟังอยู่ 3 คนแล้วที่เหลือก็เออออ แล้วเขาก็ดีใจที่มีเด็กนั่งฟังอยู่ 3 คน เป็นครูครูเสียใจนะ เพราะว่าคนที่เป็นครู หน้าที่หลักไม่ใช่คุณความรู้เยอะ แต่คุณต้องถ่ายทอดเป็น อาจารย์สมัยครูเรียนที่ราชภัฎสอนดีมาก แต่ดอกเตอร์สอนไม่รู้เรื่อง คุณอยู่กับกองชีตมากไปไหม
ถาม อาจารย์กำลังจะบอกว่าปัญหาการศึกษาทุกวันนี้ มันมาจากการถ่ายทอดของครู
ตอบ ถูก และอีกอย่างบางคนเขาก็ไม่เขาใจจิตใจเด็ก พูดอะไรออกมาก็ภาษาอะไรไม่รู้ เขาคิดว่าเวลาเขาคุยในกลุ่มกันเขารู้เรื่อง คุณจะเป็นครูไม่ว่าจะระดับไหน ประถม มัธยม ปริญญาตรี โท เอก คุณต้องรักเด็ก คุณต้องช่วยเหลือเด็ก ไม่ใช่คิดว่าเด็กต้องตามคุณ คนไหนโง่ก็ให้มันรีทายออกไป

ถาม ทางออกของปัญหาการศึกษาคืออะไรครับ
ตอบ ต้องมาจากครอบครัวที่ดีนะ / อาจารย์มหาวิทยาลัยหลายคนมีนะที่เป็นห่วงเด็ก ทำไมได้เกรดเท่านี้ล่ะลูก ความรักไงที่คุณต้องให้เขา ไม่ใช่วิชาการอย่างเดียว คนที่ให้แต่วิชาการอย่างเดียว ควรจะเรียกตัวเองว่านักวิชาการ ที่มาสอน อย่าเรียกเลยว่าเป็นครู ครูต้องให้ความรักนักเรียน ต้องมีความเอื้ออาทรต่อเด็ก
ถาม นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะเรียนในห้องเรียนมากขนาดไหน บางทีการออกมากวดวิชา แล้วมาเจออาจารย์ที่เป็นอย่างอาจารย์ ที่ให้ความรักต่อเด็ก อาจารย์กำลังจะสะท้อนใช่ไหมครับว่านี่ไงทางออกของการศึกษาไทย คือการที่ครูให้ความรัก ความเมตตาต่อเด็ก เข้าใจเด็ก
ตอบ ครูไม่เคยสะท้อนหรอกค่ะ นี่คือตัวครูเองจริงๆ ครูไม่คิดหรอกค่ะ ว่าครูทุกคนต้องเป็นแบบครู แต่ครูเพียงแค่อยากจะบอกว่า เด็กหลายคนเขาขาดความอบอุ่นจากอาจารย์เคยรู้บางไหม ทั้งที่โรงเรียน ทั้งมหาวิทยาลัย คุณเป็นแค่นักวิชาการที่มาสอน แล้วคุณก็ชมกันเองให้เป็นอาจารย์ดีเด่น คุณสอนเด็กอยู่ 40 คน แล้วคุณสอนสำเร็จอยู่ 10 คน แล้วก็เอาเด็ก 10 นี้มาโอ้อวดตลอดเวลา แล้วอีก 30 คนที่เหลือล่ะ เคยดูแลเขาบางหรือเปล่า โทษแต่เด็กที่เรียนเลขไม่รู้เรื่อง แล้วเคยคิดที่จะไปสอนเขาบ้างหรือเปล่าแทนที่จะไปโทษเขา นี่ครูมาพูดแทนเด็กหลายๆ คน เด็กหลายๆ คนที่บางทีตั้งใจนะ แต่เรียนไม่รู้เรื่อง เคยสงสารเขาบางไหม คำพูดของคุณถ้าไปบาดจิตใจเขาให้เป็นแผลลึกๆ อยู่ในใจตั้งแต่ตอนประถม จนเขาไม่ตั้งใจเรียนมาจนถึงมัธยม เคยรู้บ้างไหม ..ว่าเป็นเพราะคุณ ....

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

พระตุ๊ด วิกฤตพุทธศาสนา !?



3/03/2555

ขึ้นหน้า 1 อีกครั้งสำหรับเรื่องราวที่ทำให้พระพุทธศาสนาต้องมัวหมอง อย่างเรื่องพระตุ๊ด พระเกย์ เอาจีวรมีแต่เป็นหญิงมีท่าทางตุ้งติ้ง

กรณีล่าสุดที่ลงนสพ.คมชัดลึก คือ  พระภิกษุรูปหนึ่งโพสต์ภาพที่ตนสวมจีวร พร้อมผ้าพันคอลายเสือ นั้งยิ้มหวานอยู่ในเต็นท์ ลงเฟซบุ๊ค คือพระนราวิชญ์ ฉันทะธัมโม พระลูกวัดโบสถ์คงคาล้อม จังหวัดนครราชสีมาชื่อเดิม นายนราวิชญ์ เมธีประยูร อายุ 28 ปี ตอนนี้พระนราวิชญ์ เรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งอยู่ที่ในตัวเมืองนครราชสีมา

พระครูชลธารชัยเขต รองเจ้าคณะอำเภอโชคชัย เจ้าอาวาสวัดโบสถ์คงคาล้อม บอกว่า พระนราวิชญ์ บวชมาแล้ว 3 พรรษา ซึ่งก่อนหน้าที่จะบวชก็มีลักษณะท่าทางประพฤติตนในลักษณะชอบแต่งหน้าทาปากรักสวยรักงามเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปของชาวบ้านแถบนี้ โดยเริ่มแรกเมื่อตัดสินใจบวชเข้ามาเป็นพระภิกษุ ก็ไม่เห็นว่าจะผิดบทบัญญัติที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ อีกทั้ง ยังมีมีสติปัญญาเยี่ยมจึงได้ศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจังหวัดนครราชสีมา คณะสังคมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 ซึ่งปัจจุบันก็เดินทางไปเรียนผลัดเปลี่ยนกับการจำพรรษาที่วัดเช่นเดียวกับพระภิกษุภายในวัดที่ศึกษาอยู่ด้วยกันอีก 6 รูป โดยในช่วงที่เดินทางไปศึกษานั้น ก็ไม่ทราบว่ามีพฤติกรรมเช่นที่เป็นข่าว กระทั่งมารับทราบจากทางสื่อมวลชน

นับวันเรื่องราวแบบนี้จะผุดขึ้นมาให้เห็นขึ้นเรื่อยๆนะครับ ก่อนหน้านี้เรื่องราวแบบนี้ก็ถูกแชร์ลงใน Social Network อย่างกว้างขาวและมีผู้คนต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

ผมไปเจอในแฟนเพจของคุณสุทธิชัย หยุ่น ที่ได้โพสภาพภิกษุอ้อนแอ้นลงบนเฟซบุ๊ค พร้อมคำบรรยายภาพ ว่า นี่อะไรทำให้มีผู้คนเข้ามา Comment อย่างคึกคัก

แม้ในปัจจุบัน สังคมโลกจะเปิดกว้างยอม รับกับคนในกลุ่ม เพศที่ 3แต่เชื่อว่า... มันคงยังไม่เปิด กว้างถึงในวัด และคงไม่ใช่กับ วงการพุทธศาสนาอย่างแน่นอน

ผมค้นดูบทความเก่าๆ ที่วิจารย์เกี่ยวกับเพราะพระตุ๊ดพระเกย์ ก็ไปเจอบทความของพระพยอมเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ครับ พระพะยอมรู้เป็นห่วงและคิดไปถึงอนาคตชายไทย เมื่อมีอายุครบ 20 ปี ตามขนบธรรมเนียมประเพณีจะต้องบวชเข้าสู่ชาย ผ้าเหลือง เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดาไม่ได้!!!

เจ้าอาวาสวัดสวนแก้วท่านนี้ วิเคราะห์ว่า กรณีเด็กชายเป็นตุ๊ดหรือเกย์กันมาก ทำให้เกิดผลกระทบ 2 รูปแบบต่อวงการพระสงฆ์ คือ... เป็นการเพิ่มจำนวนพระเกย์เข้าสู่วงการพระภิกษุมากขึ้น หรือ ทำให้พระภิกษุสงฆ์แท้ๆ น้อยลง

คำถามที่ว่าเป็นเกย์บวชได้ด้วยหรือไม่ ? พระพยอม ตอบว่า ในวงการพระสงฆ์จะมีข้อกำหนดอยู่เรียกว่า บัณเฑาะห์คือ เพศที่ 3 บวชไม่ได้ พวกที่ตัดอัณฑะ ก็บวชไม่ได้ พวกที่ออกอาการเป็นกะเทยชัดๆ ก็บวช ไม่ได้ ซึ่งกฎเกณฑ์นี้ก็มีมานานแล้ว แต่ของพวกนี้มันเล็ดลอดได้ ก่อนการบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ จะมีการคัดสรรกันบ้างตามสมควร แต่ทุกวันนี้...ปัญหาสิทธิมนุษยชน ก็ทำให้วงการพระสงฆ์ของไทยเกิดอาการ น้ำท่วมปากขณะที่ระบบอุปถัมภ์ จากศาสนิกชน กลายเป็นปัญหาใหญ่

ก่อนการบวชก็มีสกรีนกันแล้ว แต่ว่ายุคนี้มันเป็นยุคที่คัดสรรยาก มันเป็นยุคที่เราคัดสรรยาก คือ
1. วัดมีพระน้อยก็กลัวเป็นวัดร้างก็ให้บวชกัน
2. คนที่มีลูกหลานเกเร เพี้ยน วิปริต ก็ดันผ่ามีอุปการะต่อวัด มาขอบวชไม่ให้บวชก็ทะเลาะกันอีก ทำให้ระบบคัดสรรเข้ามาบวชทำไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ข้อมูลน่า แปลกใจจาก พระพยอม ก็คือ... จากการเดินทาง ไปวัดในภาคต่างๆ นั้น พบว่า... พระเกย์ส่วนมาก จะพบในที่ภาคเหนือ ซึ่งไม่ทราบสาเหตุพระทางใต้จะไม่ค่อยเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ จะมีน้อย ส่วนภาคอื่นๆ

สำหรับพระที่เป็นอายุ 40-50 ปีก็มี ไม่นับพรรษาที่บวช แต่ส่วนใหญ่จะมาเป็นตอนหลังบวช อยู่ไปๆมาๆ มันดันผ่าเป็น ถ้าจับได้ก็มีคนไล่ออกไป แต่มันก็แปลก บางทีพวก นี้พระตุ๊ดพระเกย์มันประจบเก่ง จัดดอกไม้สวย เวลาโยมมีงานมันก็ช่วยจัดโยมก็ชอบอีก โยมชอบพวกนี้ ประจบเก่งพูดเพราะ มันก็เลยลำบาก

แต่หากมองถึงผลกระทบในทางเสื่อมเสีย ต่อวงการพระภิกษุ พระพยอม มองว่า... ถ้าแค่เป็นการถูกเนื้อต้องตัวกันยังไม่ผิด แต่หากมีการสวนทวารกันจึงผิด อย่างไรก็ตาม แค่การรักใคร่ที่ผิดที่ผิดทาง ผิดฝาผิดตัว ไม่ว่าจะพระเกย์ด้วยกันหรือพระกับเกย์ ก็ถือว่าผิดทั้งสิ้น ไม่เหมาะสม 100 เปอร์เซ็นต์ เขาเรียกโลกวัชช (โล-กะ-วัด-ชะ) โลกก็ตำหนิติเตียน แต่ว่าความวิปริตในโลกปัจจุบันต้องยอมรับว่ามันมารุนแรง จิตใจของคนวิปริต คนมาบวชก็ติดเอาความวิปริตมาก่อนบวช บวชแล้วโง่รักษาศีลไม่เป็นก็วิปริตต่อได้อีก มันก็เป็นอย่างนี้ถ้าลองนึกถึงกิจวัตรประจำวันของพระสงฆ์เกย์ ที่ต้องจำวัดอยู่ร่วมกับพระสงฆ์รูปอื่นๆที่เป็นชายปกติ อย่างพระสรงน้ำ กันก็เล่นกันมั่วเลย มันจะหยอก มันจะอะไร มันก็ทำกันมั่ว มันชอบกันเลย อาจจะอาบกันไปมั่วกันไป มันไม่เหมือนพระแท้ ๆพระพยอม ย้ำเท่ากับว่าการกระทำของพระตุ๊ดพระเกย์ จะสามารถส่งผลเสื่อมเสียได้ร้ายแรงยิ่งกว่าข่าวพระมีอะไรกับสีกาเสียอีก

พุทธศานานั้นไม่ได้ให้บวชเพื่อไห้มีข้าวกิน ไม่ได้บวชเพื่อให้เลิกเหล้ายาเสพติด แต่บวชเพื่อบรรลุธรรม ฉะนั้นเมื่อไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จะบวชไปเพื่ออะไร

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

ปัญหาเดิมๆ ของข้อสอบโอเน็ต



24/02/2555

ทำท่าว่าจะมีปัญหา สำหรับข้อสอบโอเน็ตประจำปีนี้ เพราะนักเรียนที่เข้าไปสอบ ออกมาบอกตรงกันว่าข้อสอบมีความกำกวม และไม่ตรงกับเนื้อหาที่เคยเรียนมา ทำให้ไม่มั่นใจและกังวลว่า จะมีผลต่อการแอดมิทชั่นเข้ามหาวิทยาลัย

นักเรียนหลายคนมองว่า แม้จะเป็นข้อสอบที่เปิดโอกาสให้ได้คิดวิเคราะห์ แต่อาจไม่เกิดประโยชน์ในการนำไปใช้กับชีวิตจริง ไม่ใช่แต่เพียงวิชาสุขศึกษาเท่านั้น ในวิชาศิลปะ และวิทยาศาสตร์ ยังมีคำถามอีกหลายข้อ ที่นักเรียนวิจารณ์ว่า ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการคิดเชิงวิเคราะห์

สำหรับวิชาที่เด็กมีปัญหาที่สุดคือ วิชาการเกษตร วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี รวมถึงวิชาศิลปะ ซึ่งข้อสอบไม่มีอยู่ในเนื้อหาที่เคยเรียนมา

นักเรียนที่เข้าสอบในครั้งนี้สะท้อนความเห็นของตนเองอย่างชัดเจนว่า ข้อสอบบางข้อ ในการสอบโอเน็ตนั้น ไม่สามารถวัดผลทางศึกษาได้ เพราะมีเนื้อหาจากหลักสูตรที่เรียนมาน้อยมาก และ นักเรียนแต่ละคนก็สามารถเลือกตอบได้ตามความเห็นส่วนตัว และ ประสบการณ์ของแต่ละคนที่พบมาต่างกัน

ผู้อำนวยการสำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รศ.ชาญวิทย์ เทียมบุญประเสริฐ บอกว่า ข้อสอบของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติเกิดความผิดพลาดตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา และนี่คงสะท้อนว่า ผู้ออกข้อสอบยังขาดเทคนิคในการตั้งคำถาม และเลือกใช้ตัวเลือกที่เหมาะสม จนทำให้นักเรียนสับสน

และเมื่อสทศ.ซึ่งเป็นผู้ออกข้อสอบโอเน็ต ได้ยินได้ฟังแบบนี้ ก็ต้องรีบตรวจสอบนะครับ ว่าข้อสอบที่ตนออกมานั่น มีความกำกวมอย่างที่ถูกสังคมในขณะนี้วิพากย์วิจารหรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องชี้แจงให้กระจ่าง แต่ถ้าใช่ ตรวจสอบแล้วยอมรับว่ากำกวมจริง ก็ต้องบอกด้วยว่าจะรับผิดชอบกับข้อสอบที่ตนออกมาอย่างไร

 “ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้อสอบโอเน็ต โดยสทศ.ถูกวิจารณ์ว่ากำกวม ฉะนั้นสทศ.ต้องกลับมาพิจารณาการออกข้อสอบของตน ที่สำคัญคืออย่างพิจารณาคนเดียวนะครับ เดี๋ยวจะพิจารณาเข้าข้างตัวเอง แต่ควรจัดเวทีรับฟังความเห็นให้รอบด้าน สรุป และถอดบทเรียนกับสิ่งที่ผ่านมาให้ได้ มิเช่นนั้นข้อสอบโอเน็ต จะไม่มีความน่าเชื่อถือ อีกต่อไป

ฝ่ายข่าว Nation U Channel

ไทยปล่อยวีซ่าง่ายไป เปิดช่องโหว่ก่อการร้าย ?



17/02/2555

เป็นเหตุระเบิดที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อคนร้ายชาวอิหร่านพยายามโบกแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่จอด คนร้ายจึงไม่พอใจปาระเบิดที่พกมา ใส่รถแท็กซี่ ได้รับความเสียหายที่ห้องเครื่อง ที่น่าสังเกตหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้ตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดเผยชนิดนี้ พบว่าเป็นระเบิดชนิดขว้าง ด้านในบรรจุดินระเบิดชนิดซีโฟร์ เมื่อขว้างออกไปจะหน่วงเวลา 5 วินาที มีรัศมีทำลาย 10 -15 เมตร รัศมีกว้างขนานนี้ ถังแก็สรถแท็กซี่น่ายระเบิดไปเต็มๆ แต่ถังแก็สของรถแท็กซี่ไม่ระเบิดแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าคนขับมีของดีอะไร  ต่อมาคนขับแท็กซี่ได้วิ่งตามคนร้าย ซึ่งคนร้ายวิ่งไปพบตำรวจจึงควักระเบิดเพื่อจะโยนใส่แต่ทำตก เกิดระเบิดใส่ขาตัวเองขาด

ด้วยความที่คนร้ายไม่มีความเป็นมืออาชีพในการปาระเบิดหรือเปล่า จึงทำให้ฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม และสภาความมั่นคงแห่งชาติ ออกมาประสานเสียงบอกตรงกันว่า นี่ไม่ใช่การก่อวินาศกรรม และยังไม่ยืนยันว่าเป็นกลุ่มฮิซบัลเลาะห์หรือไม่

มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดเข้ามาร่วมตรวจสอบ เบื้องต้นเชื่อว่า กลุ่มที่ก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ก่อเหตุที่ประเทศจอเจียร์ และอินเดียที่มีผู้บาดเจ็บ 4 คน ก่อนหน้าเหตุระเบิดในไทย  เพราะวิธีการต่อวงจรระเบิด และวิธีปฏิบัติการ มีความคล้ายคลึงกัน

แต่นักวิเคราะห์ชาวต่างชาติก็เห็นต่างครับว่ายังไม่ควรสรุปว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไทย เชื่อมโยงไปยังการก่อการร้ายในอินเดีย และจอเจียร์ เพราะดูเหมือนว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในไทย จะเป็นแค่เพียงมือสมัครเล่นเท่านั้น
ล่าสุดโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในประเทศไทย ขณะที่ รมว.ต่างประเทศ ระบุว่า ขณะนี้กำลังประสานกับทางการอิหร่าน เพื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้ทั้ง 2 คน ส่วนอีกคน 1 หลบหนี้ไปมาเลเซีย และถูกทางการของมาเลเซียจับกุมตัวได้แล้ว

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นะครับว่าประเทศไทยปล่อยวีซ่าให้ชาวต่างชาติง่ายเกินไปหรือไม่ จนกลายเป็นช่องโหวตให้คนร้ายเดินทางเข้าไทยมาก่อเหตุได้ง่ายขึ้น

ถ้าคุณลองสังเกต การจะขอวีซ่าเข้าประเทศใหญ่ๆ มีวิธีการที่ละเอียด และเข้มงวดมากทีเดียว แต่ในไทย เราเห็นชาวต่างชาติ เดินกันให้ขวักไขว่ บางสถานที่ บางช่วงเวลามีมากกว่าคนไทยด้วยซ้ำ อย่างใน BTS นี่แสดงให้เห็นว่า ไทยหละหลวมในการตรวจสอบคนเข้าเมือง และแม้ไทยจะไม่ใช่เป้าหมายหลักของการก่อการร้าย แต่ด้วยความหละหลวมเช่นนี้หรือไม่ จึงทำให้มีโอกาสเกิดเหตุวินาศกรรม ได้มากกว่าประเทศที่เข้มงวดเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง อย่างอเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ และประเทศโซนยุโรป เป็นต้น

ฝ่ายข่าว Nation U Channel